สีและอุปกรณ์ศิลปะที่เราใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ แม้จะเป็นชนิดเดียวกัน แต่ในเรื่องของคุณภาพและการใช้งาน อาจแตกต่างกัน วันนี้ StationeryMINE มีเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์ศิลปะมาแบ่งปันกันจ้า

1. สีน้ำแต่ละเกรด ต่างกันอย่างไร ?

สีน้ำที่จำหน่ายในท้องตลาดทุกวันนี้ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 เกรดใหญ่ๆ ได้แก่ Beginner Grade, Studio/Student Grade, และ Aritist Grade 

Beginner Grade หรือระดับเริ่มต้นนั้น จะเป็นอุปกรณ์ศิลปะแบบพื้นฐานเหมาะกับผู้เริ่มต้น สีเกรดนี้จะมีราคาไม่แพง เพราะมี Pigment น้อยซึ่งจะมีส่วนผสมของวัสดุอื่นๆเข้ามาอย่างเช่นแป้ง ซึ่งหากเก็บไว้นานเข้า สีจะแห้งและแข็งตัว

เกรดต่อมาจะเป็น Studio/Student Grade หรือสีระดับนักเรียน ที่มาพร้อม Pigment มากขึ้นกว่าเกรดเริ่มต้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสีที่มี Pigment เข้มข้น ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป สีในเกรดนี้บางรุ่นจะมีการใส่วัสดุสังเคราะห์เลียนแบบ Pigment ของจริง เพื่อลดต้นทุนในการผลิต 

สังเกตุได้จากชื่อสี หากโทนสีไหนมีคำว่า Hue ต่อท้าย เช่น Cobalt Blue Hue แสดงว่ามีการผสมวัสดุเลียนแบบ Pigment ของจริง 

สำหรับสีเกรด Artist เป็นสีเกรดดีระดับสูงที่สุด ให้ Pigment เข้มข้น ทนทานต่อแสง (Lightfastness) เนื้อสีมีความกระจ่างใส ไม่ขุ่นมัว บางยี่ห้อมีการผสมน้ำผึ้งเข้าไป บางยี่ห้อเน้นสีธรรมชาติแบบ 100% ซึ่งคุณภาพระดับนี้ แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับราคาที่สูงด้วยเช่นกัน

หากพูดถึงสีน้ำเกรด Artist ที่ได้รับความนิยมมากๆในไทย ก็จะน่าเป็น Winsor & Newton Professional สีรุ่นนี้มาพร้อมกับความเข้มข้นสูง ไม่ผสมแป้ง เนื้อสีใส ที่สำคัญมีขายที่ StationeryMINE ด้วยน้า 

2. สี Crayon จริงๆแล้วคืออะไรกันนะ ?

หากได้ยินคำว่า Crayon หลายคนอาจนึกถึงสีเทียน แต่แท้จริงแล้ว Crayon ถูกจำแนกออกเป็น 2 ประเภท คือสีเทียน (Wax Oil Crayon) และ สีชอล์คน้ำมัน (Chalk Crayon) 

สีเทียน หรือ Wax Oil Crayon คือการผสมผสานระหว่างผงสีกับขี้ผึ้ง หรือ ไขมันสัตว์ แล้วนำมาอัดเป็นแท่ง มีความแข็งเหมือนกับแท่งเทียน สีเทียนเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นหัดใช้สี โดยเฉพาะ เด็กเล็กๆสามารถใช้งานสีเทียนได้อย่างปลอดภัย 

สีชอล์คน้ำมัน หรือ Chalk Crayon คือการนำผงสีชนิดละเอียดมาผสมกับขี้ผึ้งหรือกาว แล้วนำมาอัดเป็นแท่ง ด้วยเนื้อสีที่ละเอียดทำให้สีชอล์คน้ำมันเหมาะสำหรับการนำไปวาดภาพเหมือน หรือภาพที่ต้องการสีสันในการถ่ายทอดอารมณ์

3. กระดาษอาร์ต คืออะไร ?

กระดาษ Art เป็นกระดาษที่มีความหนาตั้งแต่ 85-190 แกรม ส่วนมากจะใช้ในงานพิมพ์และงานวาดภาพศิลปะ โดยจะมีสีขาวทั้งสองด้าน และมีทั้งแบบพื้นผิวหยาบ (Rough) และพื้นผิวเรียบ (Hot Pressed) ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกให้เหมาะกับงานที่ต้องการสร้างสรรค์ อย่างเช่น กระดาษอาร์ตผิวเรียบเหมาะกับงานวาดภาพเหมือน ส่วนกระดาษอาร์ตผิวหยาบเหมาะสำหรับงานสีน้ำ เป็นต้น

ในส่วนของน้ำหนักกระดาษที่วัดเป็นแกรม (Gram) เราจะวัดจากน้ำหนักของกระดาษต่อตารางเมตร เช่น กระดาษ 100 แกรม หมายถึงกระดาษชนิดนี้จะมีน้ำหนัก 100 กรัม/ตารางเมตร นั่นเอง

นอกจากนั้น ในกระดาษบางยี่ห้อ เราจะสังเกตเห็นเครื่องหมาย FSC (Forest Stewardship Council) ซึ่งหมายความว่า กระดาษยี่ห้อหรือรุ่นนั้นๆ ใช้วัสดุที่มาจากป่าไม้ที่มีการจัดการที่ดี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า และยังไม่ส่งผลเสียกับแหล่งชุมชนอีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหาสี และอุปกรณ์ศิลปะแบรนด์ดัง คุณภาพดี สามารถเข้ามาเลือกซื้อเลือกช้อปได้เลยที่ www.stationeryMINE.com